ผลกระทบของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ดูไฮไลท์อื่นๆ Curto สีเขียว

📱 เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความพยายามที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกและป้องกัน ภาวะโลกร้อน จะถึงวาระที่จะล้มเหลวเว้นแต่จะมีการหารือเกี่ยวกับบทบาทนั้นมากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีบทบาทในการทำให้วิกฤตสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น 

นี่คือบทสรุปของก รายงานใหม่ (🇧🇧) จัดพิมพ์โดยองค์กรไม่แสวงผลกำไรระหว่างประเทศ แผนปฏิบัติการระดับโลก.

จากการขยายทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่ผิดไปจนถึงการปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกไม่เพียงแต่ทำให้ภาวะโลกร้อนแย่ลงเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของ “อุปสรรคทางดิจิทัลที่เป็นระบบต่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผล” ซึ่งผลักดันให้เกิดลัทธิบริโภคนิยมที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งเพิ่มขึ้น การแบ่งแยกและขับเคลื่อนสังคมให้ห่างไกลจากประชาธิปไตย

ไม่ใช่ครั้งแรกที่”บิ๊กเทค” ได้รับการเน้นในเรื่องผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ รายงานจากไฟแนนเชียลไทมส์ (*) ชี้ให้เห็นว่ามีเพียงห้าบริษัท – อเมซอน, Google, Microsoft, Apple e Meta – ใช้ไฟฟ้ามากเท่ากับทั้งนิวซีแลนด์ 

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศยังคงแพร่หลายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งรวมถึง Twitter e ติ๊กต๊อกซึ่งตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทำให้การหาฉันทามติระดับโลกเกี่ยวกับนโยบายสภาพภูมิอากาศเป็นงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

💰 ทรัพยากรสำหรับการป้องกันภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมอาจกลายเป็นข้อบังคับ

กฎหมายแนวทางงบประมาณของบราซิล (LDO) อาจเริ่มสงวนเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำของทรัพยากรโดยบังคับเพื่อจัดสรรให้กับการดำเนินการเพื่อป้องกันและต่อสู้กับ ภัยพิบัติทางธรรมชาติและผิดธรรมชาติ. ข้อเสนอในเรื่องนี้ (PLP 146/2021) โดยวุฒิสมาชิก Jader Barbalho (MDB-PA) ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (CMA) และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์โดยคณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจ (CAE). (หน่วยงานวุฒิสภา)

ผู้รายงาน Veneziano Vital do Rêgo (MDB-PB) กล่าวเสริมว่าโครงการนี้ยังกำหนดการสำรองทรัพยากรที่ต้องเผชิญ ภัยธรรมชาติเช่นการถล่มของบริษัทเหมืองแร่เวลในเขื่อน บรูมาดินโญ่ (เอ็มจี) ซึ่งในปี 2019 ปล่อยขยะพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมประมาณ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน หลายพันคนไร้ที่อยู่อาศัย และทำลายพื้นที่ขนาดใหญ่ของ ป่าแอตแลนติก.

🌳 บทบาทของศาลระหว่างประเทศในเรื่องความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ

กลุ่ม 18 ประเทศ นำโดยวานูอาตู จะนำเสนออย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ธันวาคม เวลา XNUMX น ความละเอียด ต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ขอให้ศาลสหประชาชาติออกความเห็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับ สิทธิและพันธกรณีของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. 

คาดว่ามติดังกล่าวจะได้รับการลงมติในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยต้องมีเสียงข้างมากจึงจะอนุมัติได้. (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล*)

โดยการสนับสนุน ความละเอียด ที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ รัฐบาลสามารถแสดงการสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ วิกฤตสภาพอากาศ และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต รัฐส่วนใหญ่อย่างล้นหลามที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนการลงมตินี้ถือเป็นสัญญาณaria ความมุ่งมั่นระดับนานาชาติในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่มีอยู่ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมแนวทางที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชนในวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีหลายประการต่อรัฐอธิปไตยที่ไม่สามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

⛏️อังกฤษอนุมัติโครงการเหมืองถ่านหินที่เป็นข้อขัดแย้ง

รัฐบาลสหราชอาณาจักรอนุมัติโครงการเปิดก เหมืองถ่านหินใต้ดิน สำหรับการใช้งานด้านโลหะวิทยาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ครั้งแรกในประเทศในรอบกว่าสามทศวรรษ

โครงการนี้ตั้งอยู่ในเมืองคัมเบรีย ตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์จากนักปกป้องสิ่งแวดล้อม เช่น เอ็นจีโอ กรีนพีซซึ่งประณาม "ความหน้าซื่อใจคดด้านสภาพอากาศ" โดยเจ้าหน้าที่

ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีกระทรวงสมดุลดินแดน ตัดสินใจอนุมัติโครงการนี้ ซึ่งจะพยายามชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงาน ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการ

การตัดสินใจดังกล่าวถูกนำมาใช้ในบริบทของความตึงเครียดที่รุนแรงระหว่าง promeความพยายามในการสร้างงานท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความมุ่งมั่นของรัฐบาลด้านสภาพภูมิอากาศเพื่อให้บรรลุ ความเป็นกลางของคาร์บอน ที่ปี 2050

(คอม เอเอฟพี)

อ่านเพิ่มเติม:

Curto สีเขียว เป็นสรุปรายวันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของเราและของโลก

(): อาจต้องมีการลงทะเบียนและ/หรือลายเซ็น 

(🇧🇧): เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ

(*): เนื้อหาในภาษาอื่นแปลโดย Google นักแปล