การตัดไม้ทำลายป่าบนที่ดินของชนพื้นเมืองทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอเมซอน

ประเด็นนี้มีบทบาทเป็น “สารคัดแยกคาร์บอน“ของป่า.

การกักเก็บคาร์บอนคืออะไร?

การกักเก็บคาร์บอนหมายถึงกระบวนการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากชั้นบรรยากาศ เพื่อลดปริมาณ CO2 ในชั้นบรรยากาศ และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำได้โดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย รวมถึงการจัดเก็บในอ่างเก็บน้ำทางธรณีวิทยา การใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมและการเกษตร และการดักจับและการเก็บรักษาในป่าและมหาสมุทร

“การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อป่าไม้ และด้วยเหตุนี้ ป่าแห่งนี้จึงกลายเป็นก๊าซเรือนกระจกที่จะส่งผลเสียต่อภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ผู้เขียนคนแรกของหนังสือ บทความ (🇬🇧), Celso HL Silva-Junior ศาสตราจารย์ถาวรในโครงการระดับสูงกว่าปริญญาตรีด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ที่ Federal University of Maranhão (UFMA)

เมื่อพิจารณาถึงแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพสำหรับการอนุรักษ์ป่าไม้ TI อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มขึ้นของการทำเหมืองและการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย ด้วยความก้าวหน้าของการทำลายล้างที่เกิดจากความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น การกำกับดูแลที่อ่อนแอลง และการลดการคุ้มครองและสิทธิของประชาชน ที่ดินของชนพื้นเมืองสามารถพลิกกลับบทบาทสำคัญของพื้นที่คุ้มครองในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการรักษาป่าให้คงอยู่ได้.

ผลการวิจัยพบว่า การตัดไม้ทำลายป่าใน TI ครอบคลุมพื้นที่ 1.708 ตารางกิโลเมตร (กม.²) ซึ่งคิดเป็น 2,38% ของการตัดไม้ทำลายป่าทั้งหมดในอเมซอนของบราซิลในช่วงเวลาดังกล่าว. จากการวิเคราะห์ TI จำนวน 232 รายการ อัตราการทำลายล้างโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 35 กม.² ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 129% ระหว่างปี 2013 ถึง 2021 เมื่อพิจารณาเพียงสามปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตอยู่ที่ 195%

ถนนสองทาง

ป่าเขตร้อนเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่สำคัญที่สุดในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. แต่พวกมันสามารถทำงานเป็นถนนสองทาง โดยดูดซับคาร์บอนในขณะที่พวกมันเติบโตและดูแลรักษาตัวเอง แต่ปล่อยก๊าซออกมาเมื่อเสื่อมโทรมหรือถูกตัดไม้ทำลายป่า ดังนั้น ความสำคัญของการอนุรักษ์และนโยบายในการต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่า จึงตอกย้ำนักวิจัย

การบันทึก

การวิจัยแสดงให้เห็นว่า 42% ของ IL ที่วิเคราะห์มีอัตราการตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มขึ้น และใน 20% ของจำนวนนั้น แนวโน้มมีนัยสำคัญมากขึ้น ในจำนวนนี้ TI Arara มีอัตราต่ำสุด (0,02 กม. ² ต่อปี) ในขณะที่ Apyterewa มีอัตราสูงสุด (8,58 กม. ² ต่อปี) ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในรัฐปารา

ในทางกลับกัน 11% ของพื้นที่วิเคราะห์การลดการตัดไม้ทำลายป่า และมากกว่า 1.500% อย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ Alto Turiaçu TI ในเมือง Maranhão ซึ่งมีชนพื้นเมืองประมาณ XNUMX คนจาก Awa Guajá, Ka'apor และ Tembé อาศัยอยู่

นโยบายสาธารณะ

ในบทความ นักวิจัยได้อธิบายข้อเสนอแนะ 6 ข้อเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของนโยบายสาธารณะที่มุ่งป้องกันการแพร่กระจายของการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่เหล่านี้

ได้แก่ การยกเลิกกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ก่อให้เกิดความเสื่อมถอยด้านสิ่งแวดล้อม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันตรวจสอบ การสร้างเขตกันชน 10 กม. ระหว่างไอทีและพื้นที่สำรวจแร่หรือโครงการที่มีผลกระทบสูง นอกเหนือจากการยกเลิก CARs ทั้งหมด (ทะเบียนสิ่งแวดล้อมในชนบท) ภายใน IL

พวกเขายังเสนอการสนับสนุนสำหรับความคิดริเริ่มที่ส่งเสริมการเกษตรและแนวปฏิบัติการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืนอื่น ๆ รวมถึงโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบการรับรู้ระยะไกลด้วยการลงทุนในการพัฒนาระบบใหม่พร้อมการปรับปรุงความถี่และขนาด

ในที่สุด พวกเขาระลึกถึงความสำคัญของการเสริมสร้างรากฐานแห่งชาติของชนเผ่าพื้นเมือง (ฟูไน) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบในการรับประกันสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง

การศึกษายังได้รับเงินทุนผ่านศูนย์วิจัยและนวัตกรรมก๊าซเรือนกระจก (RCGI) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิศวกรรม (CPE) ที่ก่อตั้งโดย FAPESP และ Shell จากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล (USP) และโครงการเฉพาะเรื่องที่เชื่อมโยงกับโครงการวิจัย FAPESP เกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (PFPMCG)

(กับเอเจนเซีย บราซิล)

อ่านเพิ่มเติม:

เหตุการณ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจผลักดันให้หลายล้านคนเข้าสู่ความยากจนข้นแค้นในบราซิล ธนาคารโลกกล่าว

ชาวบราซิลจำนวน 800 ถึง 3 ล้านคนอาจต้องตกอยู่ในความยากจนขั้นรุนแรงตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศ ตามรายงานสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาสำหรับบราซิลที่ดำเนินการโดยธนาคารโลก ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ (4) จากการศึกษาพบว่า ภัยแล้ง น้ำท่วม และน้ำท่วมในเมืองต่างๆ ทำให้เกิดความสูญเสียถึง 13 ล้านเรอัล (0,1% ของ GDP ปี 2022) ต่อปี  

(🇧🇧): เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ

(*): เนื้อหาเป็นภาษาอื่นแปลโดย Google นักแปล

(🚥): อาจต้องลงทะเบียนและ/หรือสมัครสมาชิก 

* ข้อความของบทความนี้สร้างขึ้นบางส่วนโดยเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ โมเดลภาษาที่ล้ำสมัยซึ่งช่วยในการจัดเตรียม ทบทวน การแปล และการสรุปข้อความ รายการข้อความถูกสร้างขึ้นโดย Curto มีการใช้ข่าวสารและการตอบกลับจากเครื่องมือ AI เพื่อปรับปรุงเนื้อหาขั้นสุดท้าย
สิ่งสำคัญคือต้องเน้นว่าเครื่องมือ AI เป็นเพียงเครื่องมือ และความรับผิดชอบขั้นสุดท้ายสำหรับเนื้อหาที่เผยแพร่นั้นอยู่ที่ Curto ข่าว. ด้วยการใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม วัตถุประสงค์ของเราคือการขยายความเป็นไปได้ในการสื่อสาร และทำให้การเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณภาพเป็นประชาธิปไตย 🤖